การแต่งกายและเครื่องนุ่งห่มของชาวภูไท
วัฒนธรรมของกลุ่มภูไทที่เด่นชัดคือ
การทอผ้าซิ่นหมี่ต่อตีน
เป็นตีนต่อขนาดเล็กกว้าง 4-5 นิ้วมือ ที่เรียกว่า “ตีนเต๊าะ” เป็นที่นิยมในกลุ่มภูไททอเป็นหมี่สาด หมี่หม้อย้อมครามจนเป็นสีครามแก่เกือบเป็นสีดำแต่ชาวบ้านมักเรียกว่า ผ้าดำหรือซิ่นดำ ลักษณะเด่นของซิ่นหมี่ชาวภูไท คือ
การทอและลวดลาย
เช่นทอเป็นลายนาคเล็กๆ
นอกจากนี้มีลายอื่นๆ เช่น หมี่ปลา
หมี่กระจัง หมี่ข้อ ทำเป็นหมี่คั่นมิได้ทอเป็นผ้าหมี่ทั้งผืน แต่หากมีลายต่างๆ มาคั่นไว้ สีที่นิยม
คือ สีเขียว สีน้ำเงิน
สีแดง สีม่วง พื้นมักใช้เครื่อหูกด้วยสีเปลือกอ้อย
นอกจากนี้ยังพบผ้ามัดหมี่ฝ้ายขาวสลับดำในกลุ่มภูไท
เสื้อ นิยมทำเป็นเสื้อแขนกระบอก 3 ส่วน ติดกระดุมธรรมดา กระดุมเงิน หรือเหรียญสตางค์ เช่น เหรียญสตางค์ห้า สตางค์สิบ มาติดเรียงเป็นแถว นิยมใช้ผ้าย้อมครามเข้ม ในราว พ.ศ.2480 ได้มีผู้นำขลิบแดงติดที่เสื้อ เช่นที่คอ สาบเสื้อ ปลายแขน เพื่อใช้กับฟ้อนภูไทสกลนครและใช้กันมาจนทุกวันนี้
ผ้าห่ม การทำผ้าห่มผืนเล็กๆ เป็นวัฒนธรรมของกลุ่มพื้นเมืองอีสานมานานแล้ว ผ้าห่มใช้สำหรับห่มแทนเสื้อกันหนาว ใช้คลุมไหล่ เช่นเดียวกับกลุ่มไท-ลาว ที่นิยมใช้ผ้าขาวม้าพาดไหล่ ผ้าห่มของกลุ่มชนต่างๆ ในเวลาต่อมาทำให้มีขนาดเล็กลง ทำเป็นผ้าสไบเป็นส่วนประดับแทนประโยชน์ใช้สอยเดิมคือห่มกันหนาวหรือปกติปิดร่างกายส่วนบนโดยการห่มทับเสื้อผ้า นอกจากนี้ยังมีผ้าแพรวาซึ่งมีแหล่งใหญ่ที่บ้านโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ นับเป็นผ้าจ่องที่สวยงามหาชมได้ยากในปัจจุบัน
นอกจากผ้าจ่องแล้ว ชาวภูไทยังมีลายผ้า ซึ่งใช้เป็นผ้ากั้นห้องหรือใช้ห่มแทนเสื้อกันหนาวหรือต่อกลางสองผืนเป็นผ้าห่มขนาดใหญ่พอสมควร แหล่งผ้าลายที่มีชื่อ คือ ผ้าลายบ้านนางอย กิ่งอำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร การแต่งกายของชาวภูไทยังนิยมสวมสร้อยคอ สร้อยคอมือ ข้อเท้า (ก้องแขน ก้องขา) ด้วยโลหะเงิน เกล้าผมเป็นมวยสูงตั้งตรง ในสมัยโบราณใช้ผ้ามนหรือแพรมนทำเป็นผ้าสี่เหลี่ยมเล็กๆ ม้วนผูกมวยผมอวดลวดลายผ้าด้านหลัง ในปัจจุบันใช้ผ้าแถบขนาดเล็กๆ สีแดงผูกแทนแพรมน